ความจริงแล้วปัญหาผิวรอบดวงตาเป็นปัญหาพื้นฐานที่ทุกๆคนจะต้องเจอในสักวันหนึ่ง ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกวิธีการใดมาดูแล ซึ่งเราอาจคิดว่า ให้โปะครีมบำรุงไปเยอะๆ แล้วไปนอนซะ สักวันก็ต้องหาย หากไม่หายให้ฉีดฟิลเลอร์ ความคิดแบบนี้ผิดสนิท เพราะผิวรอบดวงตาต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่องเพื่อจะได้ไม่กลับมาหย่อนคล้อยอีกเมื่อยาต่างๆ หมดฤทธิ์
สิ่งที่ผิวรอบดวงตาต้องการ
- ต้องการความชุ่มชื่นสูงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงจึงมักเลือกแบบเจลหรือเซรั่มที่ดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายกว่า
- ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติที่ดีในการช่วยรักษาน้ำในผิวได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ทำให้ผิวบริเวณนี้แห้งเสีย
- ต้องการสาร Anti-Oxidant ที่มีประสิทธิภาพสูงต่อต้านอนุมูลอิสระทั้งจากอายุ ความเครียด อาการอักเสบ อาการบวม และมลภาวะต่างๆ ที่ยิ่งทำให้ผิวรอบดวงตาเสื่อมสภาพได้ง่าย
วิธีรักษาแบบธรรมชาติ
- ดื่มน้ำให้มากเข้าไว้ เพราะองค์ประกอบที่ผิวต้องการสูงสุดคือน้ำ เมื่อมีน้ำมากพอผิวพรรณและรอบดวงตาก็ดูเต่งตึงสดใสไปด้วย
- พักผ่อนมากปัญหาใต้ตาก็น้อยลง สังเกตได้ง่าย วันไหนที่เรานอนหลับเยอะให้ผิวใต้ตาได้พักผ่อนจากการจ้องหน้าจอ ใช้งานประสาทส่วนนี้กันทั้งวัน ใบหน้าโดยเฉพาะ รอบดวงตาจะสดใสกว่าวันอื่นๆ
- ลดโซเดียมแล้วผิวจะสวย เพราะโซเดียมจากเกลือในอาหารที่เราทานมีคุณสมบัติดูดน้ำ ทำให้ตัวบวมและน้ำคั่งในผิวจนเกิดถุงใต้ตาบวมได้ด้วย
- ประคบเย็น จะช่วยคายอาการบวมน้ำรอบดวงตาลงได้ ดีต่อวันที่นอนไม่พอหรือร้องไห้จนตาบวม
- ไม่ร้องไห้นะคนดี เพราะการร้องไห้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้รอบตาบวมตุ่ยจนเห็นชัดกลบไม่อยู่
- นวดลดถุงใต้ตา ให้เลือดเดินได้สะดวก จะช่วยให้รอบดวงตากระชับขึ้น
หากต้องการรักษาผิวรอบดวงตาให้หายโทรมเร็วที่สุด คงจะต้องใช้หลายๆ วิธีรวมกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง ถึงจะไม่เร็วอย่างที่ฝัน แต่เมื่อดูแลได้ดีแล้วก็ไม่ต้องปวดหัวกับดวงตาที่ดูโทรมจนทำให้หน้าแก่อีกต่อไป คืนความสดใสให้ใบหน้าได้อีกเยอะ